“เซ็นทรัลแล็บไทย” จับมือ “สปป.ลาว” พัฒนาห้องแล็บ ดันสินค้าลาวสู่ตลาดส่งออก
นายชาคริต เทียบเธียรรัตน์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เซ็นทรัลแล็บไทย ให้การต้อนรับ ดร.สุระพร อินทะวง รองหัวหน้ากรมแผนการและการร่วมมือ กระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) พร้อมคณะ ในโอกาสเข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานห้องปฏิบัติการ สาขากรุงเทพ และหารือความร่วมมือด้านการตรวจรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร ทั้งในภาคการผลิต การแปรรูป และการส่งออกสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
ดร.สุระพร อินทะวง รองหัวหน้ากรมแผนการและการร่วมมือ กระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ สปป.ลาว กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลลาว มีนโยบายในการพัฒนาสินค้าเกษตรให้เกิดความยั่งยืน อาทิ การค้ำประกันข้าวเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ และการผลักดันสินค้าเกษตรปลอดภัย ให้สามารถส่งออกได้ในตลาดอาเซียน จีน และ ยุโรป (EU) เนื่องจากที่ผ่านมา สปป.ลาว ต้องประสบปัญหาการแจ้งเตือนจากประเทศปลายทาง กรณีพบสารเคมีตกค้างในสินค้าเกษตร รวมถึง ใบรับรองผล (certificate) ด้านการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีจากการผลิต (GAP) ยังไม่เป็นที่ยอมรับจากประเทศปลายทาง ทั้งนี้ในการเข้าเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการ และการหารือกับเซ็นทรัลแล็บไทย นับเป็นโอกาสสำคัญที่ทั้ง 2 หน่วยงานจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และศึกษาวิจัยถึงแนวทางการพัฒนาสินค้า การจัดการใบรับรองผล รวมถึงการทวนสอบกระบวนการผลิต เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนด
นายชาคริต เทียบเธียรรัตน์ กรรมการผู้อำนวยการ กล่าวว่า เซ็นทรัลแล็บไทย ในฐานะห้องปฏิบัติการของรัฐบาลไทย มีพันธกิจสำคัญในการให้บริการตรวจทดสอบสินค้าเกษตร สินค้าแปรรูป ตลอดจนปัจจัยการผลิต ตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ จนถึง ปลายน้ำ, การตรวจรับรองและตรวจประเมินระบบ GAP, GMP/HACCP รวมถึงการฝึกอบรม และการสอบเทียบเครื่องมือ ภายใต้มาตรฐาน ISO/IEC 17025 ล่าสุดเซ็นทรัลแล็บไทย ยังได้รับการรับรองจาก สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ในการเป็นหน่วยรับรองและตรวจประเมินมาตรฐาน Thai GAP ในภูมิภาคอาเซียน (ACFS) ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายงานบริการให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เซ็นทรัลแล็บไทยยินดีให้ความร่วมมือและพร้อมให้การสนับสนุนในการเป็นพี่เลี้ยงให้กับ สปป.ลาว พัฒนาห้องปฏิบัติการให้ได้มาตรฐาน ISO/IEC 17025 รวมถึงเป็นภาคีเครือข่ายด้านการตรวจทดสอบ ทางห้องปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาและยกระดับมาตรฐานสินค้าให้มีคุณภาพและปลอดภัย สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากภาคการส่งออกได้
ที่มา : mono29