ผู้ประกอบการจ่อลงทุนขยายพื้นที่ปลูกกัญชง
ผู้ประกอบการเผย เตรียมลงทุนขยายพื้นที่ปลูกกัญชง ตลาดต่างประเทศยังเปิดกว้าง พร้อมทำงานร่วมกับเกษตรกรในพื้นที่
นายพีระพล มาวาตาริ ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท วีอีโค จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เล็งเห็นกัญชงและกัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความยั่งยืน สามารถสร้างอาชีพให้กับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ เพราะกัญชงใช้เนื้อที่ในการปลูกน้อยแต่ได้ผลผลิตมาก ซึ่งกัญชง 1 ไร่ มีรายได้เท่ากับการปลูกข้าวโพด 40 ไร่
บริษัทจึงได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมกันวิจัยพัฒนาสายพันธุ์เพื่อให้ตอบโจทย์พื้นที่ทั้งคนปลูก คนแปรรูป คนใช้ เพื่อให้ชาวบ้านได้เข้าถึงง่ายดูแลง่ายภายใต้การบริหารจัดการเนื้อที่ 53 ไร่ เป็นพื้นที่วิจัยและเรียนรู้ให้กับเกษตรกรที่สนใจในการปลูกกัญชงเป็นทางเลือกที่จะสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
โดยปัจจุบันบริษัทได้ทำการปลูกกัญชาและกัญชง โดยเน้นไปที่กัญชงเป็นหลักรวม 83 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ไทยทั้งหมด นำไปผลิตเป็นสินค้าต่างๆเช่นเครื่องสำอาง ชา กาแฟ รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูป นอกจากนี้ยังส่งผลผลิตเส้นใยกัญชง น้ำมันCBD สารสกัดTHC ไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อังกฤษ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ โดยทั้งหมดผ่านการตรวจ ทดสอบทางห้องปฏิบัติการ กับบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง(ประเทศไทย)จำกัด หรือเซ็นทรัลแล็บไทย
และสำหรับการดำเนินการในเชิงพาณิชย์ล่าสุดบริษัทมีแปลงปลูกอยู่ที่ 2,000 ไร่ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานในจังหวัด อนาคตจะใช้เป็นโมเดลในการขยายไปยังพื้นที่อื่นๆเพื่อสร้างให้กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญต่อไป ซึ่งในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทางการโดยกรมป่าไม้ได้เตรียมพื้นที่ 50,000 ไร่ พร้อมให้การสนับสนุนเกษตรกรในการมีส่วนร่วมในการปลูกกัญชงส่งขายให้กับบริษัท
ซึ่งพร้อมจะให้คำแนะนำในเรื่องของสายพันธุ์ ที่เหมาะสมในการใช้ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นไฟเบอร์ หรือเมล็ด ซึ่งผลตอบแทนสำหรับการปลูกเพื่อใช้ไฟเบอร์ 1 ไร่ จะมีรายได้ 30,000-40,000 บาทต่อไร่ต่อ 1 รอบ ระยะเวลา 4 เดือน หากเป็นการปลูกเพื่อเอาเมล็ดจะมีรายได้อยู่ที่ไร่ละ 20,000 บาทต่อ 1 รอบ 4 เดือน โดยในแต่ละปีเกษตรกรจะสามารถปลูกกัญชงได้ 4 รอบ
สำหรับการทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศเวลานี้ ตลาดต่างประเทศถือว่ามีโอกาสขยายได้มากโดยเฉพาะตลาดในสหภาพยุโรปเนื่องจากมีความต้องการสูงแต่ยังไม่มีผลผลิตรองรับ ประเทศไทยถือเป็นแหล่งผลิตที่มีศักยภาพสูง เพราะอยู่ในพื้นที่สภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมในการผลิตมีปริมาณสารอยู่ในระดับที่ตรงกับความต้องการ
และสำหรับตลาดในประเทศนั้นเวลานี้บริษัทได้มีการผลิตในส่วนของเครื่องสำอางและเวชสำอางต่างๆรองรับสำหรับธุรกิจสปา โรงแรม และลูกค้าทั่วไปที่สนใจ โดยได้มีการขึ้นทะเบียนและสามารถวางจำหน่ายได้แล้ว 15 รายการ และสำหรับในส่วนของอาหารเสริมรอการตรวจสอบอนุญาตซึ่งคาดว่าจะได้รับอนุญาตภายในเดือนสิงหาคมนี้
ที่มา : naewna