แล็บประชารัฐ ยกระดับเอสเอ็มอีเครื่องสำอางแบรนด์ไทยสู่มาตรฐานโลก คาดยอดตรวจวิเคราะห์ของแล็บประชารัฐจะขยายตัวร้อยละ 30 - คลัสเตอร์เครื่องสำอางคาดปีนี้โต10%แตะ3.08แสนล.
นายสุรชัย กำพลานนท์วัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ แล็บประชารัฐ กล่าวว่า แล็บประชารัฐเป็นแล็บแห่งเดียวในไทยที่ผ่านการทดสอบจากแล็บกลางของสหภาพยุโรป (EURL) ติดต่อกัน 3 ปี ปัจจุบันมีรายการตรวจวิเคราะห์เข้าแล็บประชารัฐมากกว่า 200,000 รายการต่อปี ขณะที่กลุ่มเครื่องสำอาง หรือ NON Food เป็นอีกหนึ่งพันธกิจที่ให้ความสำคัญในการเป็นเครื่องมือยกระดับมาตรฐานสินค้า และเพื่อปกป้องผู้บริโภค เนื่องจากปัจจุบันพบว่าสินค้ากลุ่มเครื่องสำอาง แชมพู ครีมทาผิว ลิปติก โลชั่น และสบู่ มีสารปนเปื้อนค่อนข้างมากและเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคจนเกิดการร้องเรียนมามาก โดยแล็บประชารัฐได้ดำเนินการตรวจทดสอบวิเคราะห์กลุ่มเครื่องสำอางใน 2 ด้านหลักๆ คือ การตรวจโลหะหนัก และตรวจด้านเชื้อจุลินทรีย์ โดยในปี 2560 มีผลิตภัณฑ์เข้ามาทดสอบแล้วกว่า 8,432 รายการ ส่วนใหญ่เป็น สบู่ก้อน สบู่เหลว แชมพู เซรั่ม โดยโครงการคูปองตรวจแล็บฟรี มูลค่า 5,000 บาท ที่แล็บประชารัฐและสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมจัดขึ้นเป็นระยะที่ 2 จำนวน 6,000 ใบ จะช่วยให้ผู้ประกอบการได้รับผลตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ช่วยให้แก้ปัญหาการปนเปื้อนสารโลหะหนักได้อย่างตรงจุดและรวดเร็ว สร้างภูมิคุ้มกันทางธุรกิจ และสร้างความมั่นใจให้ผู้ซื้อทั้งรูปแบบผ่านหน้าร้านและในโลกออนไลน์ พร้อมประเมินว่าในปี 2560 ยอดการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของแล็บประชารัฐจะขยายตัวร้อยละ 30 จากปีก่อนเติบโตร้อยละ 19
ทางด้าน นายสมประสงค์ พยัคฆพันธ์ ประธานกลุ่มคลัสเตอร์เครื่องสำอางไทย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า มูลค่าอุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยปี 2560 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องร้อยละ 10 มีมูลค่าประมาณ 3.08 แสนล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนตลาดในประเทศร้อยละ 45 และต่างประเทศร้อนละ 55 ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้มีมูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนที่มีมูลค่า 1.35 แสนล้านบาท โดยการส่งออกอุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยอยู่ในอันดับที่ 1 ของอาเซียน อันดับที่ 3 ของเอเชีย และเป็นอันดับที่ 17 ในภาคการผลิตเครื่องสำอางของโลก ซึ่งปัจจุบันภาครัฐให้การสนับสนุนอย่างมากในส่วนของงานวิจัยและพัฒนา และโครงการงานวิจัยมหาวิทยาลัยต่างๆ ดังนั้นผู้ประกอบการ SMEs จะต้องพัฒนาสินค้า นวัตกรรม ให้มีความแตกต่างและมีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งเทรนด์การผลิตเครื่องสำอาง ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมากขึ้นโดยเฉพาะพืชและสมุนไพร และลดการใช้สารเคมีอันตราย
ที่มา : sanook
Link : ข่าว Click