Print this page

เซ็นทรัลแล็บไทย จับมือ ยูโรฟินส์ เรียกความเชื่อมั่นธุรกิจอาหารไทย บุกตลาดส่งออกระดับโลก

เซ็นทรัลแล็บไทย (Central Lab Thai) จับมือ ยูโรฟินส์ ห้องแล็บระดับโลก เดินหน้าเพิ่มศักยภาพมาตรฐานการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์อาหารให้ผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดโลก หลังสถานการณ์โควิด-19 กระทบการส่งออก


นายชาคริต เทียบเธียรรัตน์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เซ็นทรัลแล็บไทย (Central Lab Thai) ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือกับ นายนิธิวัชร์ ยิ่งกิจวิวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ยูโรฟินส์ ฟู้ด เทสติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัททางห้องปฏิบัติการ ที่มีชื่อเสียงในระดับโลกในฐานะผู้นำด้านการตรวจทดสอบที่ซับซ้อนและใช้เทคโนโลยีขั้นนสูง (advanced testing) โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อร่วมมือในการสร้างศักยภาพมาตรฐานการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ทางอาหารร่วมกัน โดยเฉพาะผลิตผลทางด้านการเกษตร อาหารและอุตสาหกรรม รวมถึงสร้างเครือข่ายองค์กรให้มีองค์ความรู้ ความสามารถ ครอบคลุมทั้งการบริหารและการจัดการ ยกระดับองค์กรเป็นผู้ประกอบการ ด้านการตรวจสอบ วิเคราะห์สินค้า ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

ความร่วมมือกันครั้งนี้ สืบเนื่องจากเล็งเห็นความสำคัญของการตรวจวิเคราะห์สินค้าให้เป็นไปมาตรฐานสากล โดยเฉพาะหลังจากนี้ ที่ทิศทางของสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 มีแนวโน้มลดลงในหลายประเทศ ซึ่งส่งผลให้การส่งออกและนำเข้าสินค้าในหลายประเทศเริ่มผ่อนปรนมาตรฐานที่เข้มงวด จึงเกิดเป็นความร่วมมือในการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ การตรวจสารพิษตกค้างในผักและผลไม้ การตรวจหาสารไดออกซินที่ปนเปื้อนในอาหาร การตรวจทดสอบตามมาตรฐานที่ประเทศคู่ค้ากำหนด นอกจากนี้ยังมีบรการการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ในบรรจุภัณฑ์ก่อนการส่งออกและในสิ่งแวดล้อม เช่น ภายในห้องโดยสารเครื่องบิน ในห้องน้ำ ในหอพักคนงาน เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีบรการการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ในบรรจุภัณฑ์ก่อนการส่งออกและในสิ่งแวดล้อม เช่น ภายในห้องโดยสารเครื่องบิน ในห้องน้ำ ในหอพักคนงาน เป็นต้น

นายชาคริต กล่าวว่า ยูโรฟินส์ เป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพมาก และเซ็นทรัลแล็บมีแนวทางในการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยอยู่แล้ว และปัจจุบันมาตรฐานที่ไทยถืออยู่อาจจะมีบางอย่างที่ยังไม่ได้มาตรฐานในระดับสากล ซึ่งการที่ได้ร่วมมือกับยูโรฟินส์จะช่วยให้มาตรฐานไทยเป็นสากล และได้รับการยอมรับมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจด้านอาหาร อาหารปลอดภัย ที่นานานประเทศให้ความสำคัญ ซึ่งมองว่าไทยเราสามารถไปถึงจุดนั้นได้แต่อาจจะต้องอาศัยเวลา แต่การร่วมมือยูโรฟินส์จะทำให้การพัฒนาของเราไปได้ไกล และไปได้เร็วขึ้น

“เราเป็นแล็บด้านอาหาร ที่เราทำให้ผู้ประกอบการได้คือการยืนยันว่าผลิตภัณฑ์อาหารปลอดภัยปราศจากเชื้อโรค ปราศจากไวรัส การตรวจสอบจึงเป็นสิ่งสำคัญ ตอนนี้เรานำสิ่งที่ดีที่สุดในไทย กับสิ่งที่ดีที่สุดในโลกมาร่วมมือกัน ก็จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นและทำให้เราสามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้ อย่างช่วงที่มีการแพร่ระบาดใน จ.สมุทรสาคร ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในอาหารทะเลทั้งในประเทศและต่างประเทศ เซ็นทรัลแล็บไทยมีศูนย์ให้บริการที่นั่น ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด และเข้าไปสร้างความมั่นใจให้ว่าอาหารปราศจากเชื้อโรคซึ่งเป็นส่วนที่เราทำได้ ที่สำคัญอุตสหกรรมการส่งออกอาหารทะเลเป็นการส่งออกหลักของไทย ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้เหมือนเป็นการต่อจิ๊กซอว์ให้การบริการเป็นไปอย่างคลอบคลุมมากขึ้น” นายชาคริต กล่าว

นายนิธิวัชร์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ยูโรฟินส์ กล่าวว่า การร่วมมือที่เกิดขึ้นคนที่จะได้ประโยชน์สูงสุดคือกลุ่มผู้ประกอบการนำเข้าและส่งออก โดยเฉพาะอาหาร เราจะเน้นในเรื่องการตรวจสอบ ซึ่งยูโรฟินส์ มีแล็บที่เป็นพาร์ทเนอร์อยู่ทั่วโลก เป็นแล็บตรวจทั้งคน อาหาร สิ่งแวดล้อม และวาระสำคัญของทุกประเทศตอนนี้ก็คือเรื่อง COVID-19 ที่เป็นอุปสรรคที่ต้องหารือกันว่าจะดูแลผู้ประกอบการส่งออกอย่างไรให้เป็นมาตรฐานระดับโลก

“COVID-19 เป็นเรื่องของโรคระบาด และการส่งออกของบ้านเราได้รับผลกระทบเพราะทุกประเทศเข้มงวด เราจึงต้องมาหารือกันว่าจะทำอย่างไรที่จะเรียกความเชื่อมั่นกลับมา เพราะไทยเราส่งออกอาหารเป็นหลัก จะต้องมีการออกฎระเบียบ มาตรฐานในการควบคุมระหว่างการผลิตไม่ให้เกิดการปนเปื้อนและให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งยูโรฟินส์จะเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมผลักดันขับเคลื่อนร่วมกับเซ็นทรัลแล็บให้เป็นวาระระดับประเทศ และช่วยสร้างความมั่นใจ ให้ผู้ประกอบการได้รับองค์ความรู้ ได้รับการดูแลสนับสนุน” นายนิธิวัชร์ กล่าว

นอกจากนี้ ยูโรฟินส์ร่วมมือกับ บริษัทแอทยีนส์ (ATGenes) ดำเนินโครงการ Safer@Work by ATGenes เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ทั้งผลิตภัณฑ์อาหารที่ผลิตในประเทศ และผลิตภัรฑ์อาหารที่ประเทศปลายทางที่ต้องการใบรับรองการตรวจหาเชื้อตามมาตรฐานระดับนานาชาติ ได้ร่วมมือกับ บริษัท Pulse Science ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดสร้างห้องปฏิบัติการเพื่อขยายกำลังการตรวจทั้งบุคคลและบรรจุภัณฑ์ รวมไปถึงการสร้างมาตรฐานการตรวจถุงมือยาง เครื่องมือแพทย์ให้เป็นไปตาม แนวทางที่ บริษัท ยูโรฟินส์ ใช้ในสหภาพยุโรป และเป็นมาตรฐานที่ยอมรับในระดับสากล

ศ.ดร.นพ.วิปร วิประกษิต ผู้บริหารบริษัทแอทยีนส์ กล่าวว่า บริษัท แอทยีนส์ ยังได้ร่วมมือกับ บริษัท Pulse Science ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดสร้างห้องปฏิบัติการเพื่อขยายกำลังการตรวจทั้งบุคคลและบรรจุภัณฑ์ รวมไปถึงการสร้างมาตรฐานการตรวจถุงมือยาง เครื่องมือแพทย์ให้เป็นไปตามแนวทางที่ยูโรฟินส์ ใช้ในสหภาพยุโรป และเป็นมาตรฐานที่ยอมรับในระดับสากลด้วย โดยความร่วมมือครั้งนี้เชื่อว่า จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่กำลังจะเดินหน้าเปิดประเทศอีกครั้ง โดยเฉพาะด้านการส่งออก และนำเข้าสินค้า ซึ่งจะเป็นการเสริมศักยภาพให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ กลุ่ม SME ไทยให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น

ที่มา : workpointtoday